ภัยเงียบของความเครียด อันตรายกว่าที่คิด

ภัยเงียบของความเครียด อันตรายกว่าที่คิด

สารบัญ

            ความเครียดของแต่ละคนนั้น มีไม่เหมือนกัน ไม่สามารถวัดได้ว่า ใครมีความเครียดมากกว่า หรือน้อยกว่ากัน ความเครียดที่ขึ้นนั้น
อยู่ที่ว่าใครสามารถจัดการกับความเครียดได้ดีกว่ากัน

            หากร่างกายแข็งแรงแต่ใจมีปัญหา มีความเครียด ก็ทำให้ป่วยได้ แต่หากร่างกายมีปัญหาแต่ใจแข็งแรงเราจะผ่านปัญหาต่าง ๆ ไปได้ เช่นคนที่ป่วยหนัก ๆ มีกำลังใจดี ก็สามารถผ่านโรคร้าย ๆ ได้ และความเครียดก็เป็นต้นเหตุของการเป็นโรคหลาย ๆ โรคได้มากถึง 80 %

ความเครียดเกิดจากอะไร?

1.ความเครียดทางกาย

  • การมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพ เช่น โรคต่อมลูกหมากโต เข้าห้องน้ำบ่อยมาก ทำให้นอนน้อย พักผ่อนไม่เพียงพอ
  • มีอาการเจ็บปวด เช่น ปวดกล้ามเนื้อ ปวดขา มีอาการภูมิแพ้ ไอจาม
  • ภาวะขาดฮอร์โมน เช่น ภาวะวัยทอง
  • สารพิษ เช่น ฝุ่น P.M. 2.5, สารพิษที่ปนเปื้อนในอาหาร เช่น ยาฆ่าแมลง ยาฆ่าวัชพืช
  • ภาวะขาดสารอาหาร
  • อันตรายจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เช่น โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์

2.ความเครียดทางอารมณ์ จิตใจ

  • ความเครียดทางอารมณ์เป็นสิ่งที่ไม่มีเกณฑ์วัด แต่จะเกิดจากอารมณ์ของบุคคลนั้น เช่น
  • ความเครียดจากการที่ทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ ไม่ผ่อนคลาย ตั้งเป้าหมายในชีวิตมากเกินไป
  • ความเครียดจากการทำงาน หรือจากการตกงาน
  • ความเครียดจากเศรษฐกิจ การเงิน
  • ความเครียดจากการเมือง
  • ความเครียดจากความวิตกกังวลในเรื่องต่าง ๆ เช่น มีความกลัวมาเกินไป กังวลมากเกินไป วิตกกังวล โกรธมาก มองโลกในแง่ร้าย หรือคิดมาก
  • ออกกำลังกายหนักเกินไป
  • อยู่ในที่ที่เสียงดังมาก ๆ
  • ดูข่าวร้าย ๆ หรือหนังร้าย ๆ ก่อนนอน จะทำให้ฝันร้าย

3.ความเครียดจากอาหาร

  • เมื่อร่างกายมีความเครียด ร่างกายจะต้องการวิตามินสารอาหารเพิ่มมากขึ้น
    โดยเฉพาะวิตามินบี
  • ความเครียดทำให้อยากทานแป้ง และ น้ำตาล หากทานแป้งและน้ำตาลมากเกินไป
    ก็จะทำให้ร่างกายเครียด และทำให้ต่อมหมวกไตทำงานหนักมากขึ้น
  • ภาวะขาดน้ำ
  • ทานโปรตีนน้อย หรือทานน้ำตาลมาก หรือทานอาหารสำเร็จรูปมากเกินไป
  • การขาดวิตามิน A C E แมกนีเซียม สังกะสี โครเมียม ซีลีเนียม และเกลือแร่ที่สำคัญ
  • ได้รับอาหารที่แพ้ เช่นแพ้กลูเตน แพ้แลคโตส แพ้ยา หรือแพ้อาหาร
  • ภาวะลำไส้อักเสบ ลำไส้รั่ว
  • ดื่มกาแฟ คาเฟอีน น้ำหวาน น้ำอัดลม แอลกอฮอล์

เครียดแล้วจะเป็นอย่างไร?

          ความเครียดมีผลต่อระบบประสาท ระบบฮอร์โมน และระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย เมื่อความเครียดผ่านเข้าสู่ระบบประสาท จะไปกระตุ้น
ต่อมหมวกไต (Adrenel glands) ให้หลั่ง Cortisol Hormone (ฮอร์โมนต่อสู้ความเครียด) และฮอร์โมนอื่น ๆ ออกมาเพื่อให้ตอบสนองต่อความเครียดที่เข้ามา

          โดยความเครียดเป็นตัวกระตุ้นการอักเสบ และมี Cortisol Hormone เป็นตัวระงับการอักเสบ หากมีความเครียดมาก ๆ เครียดตลอดเวลา แม้จะมีการหลั่ง Cortisol Hormone ออกมา แต่เซลล์ของร่างกายก็สามารถดื้อ Cortisol Hormone ได้  

          ถ้าเซลล์ของร่างกายดื้อ Cortisol Hormone ระบบต่าง ๆ ของร่างกายจะทำงานผิดปกติ จะส่งผลเสียต่อร่างกาย เกิดการอักเสบในร่างกายเพิ่มมากขึ้น ภูมิคุ้มกันในร่างกายทำงานผิดปกติ ทำให้หน้าหมองคล้ำ เหนื่อยล้า ความดันลดลง นอนไม่หลับ ตอนเช้าไม่ค่อยอยากตื่นนอน
ฟื้นตัวยาก เสี่ยงต่อการเป็นโรคอัลไซเมอร์ เสี่ยงต่อโรคซึมเศร้า มีความกังวลมากขึ้น เสี่ยงต่อการเกิดโรคจิตเภท แก่เร็ว หากเครียดมากอันตราย
ถึงขั้นเสียชีวิตได้

            แต่หากร่างกายขาด Cortisol Hormone จะมีอาการอ่อนเพลีย น้ำหนักลดลง ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ ความดันลดต่ำ
อาจถึงขั้นหมดสติ อาจถึงขั้นเสียชีวิต

          คนที่มีความเครียดมาก ๆ เสี่ยงต่อการเป็นโรคต่าง  ๆ ดังนี้

  • โรคนอนไม่หลับ
  • โรคมะเร็ง ผู้หญิงเสี่ยงมะเร็งเต้านม
  • โรคหัวใจ และ หลอดเลือด
  • เสี่ยงเส้นเลือดในสมองแตก
  • เสี่ยงเป็นโรคอัลไซเมอร์เพิ่มขึ้น 2 เท่า

ประโยชน์ของความเครียด

          การมีความเครียดนิด ๆ ทำให้ Cortisol Hormone หลั่งมีประโยชนต่อร่างกาย ช่วยรักษาสมดุลระบบประสาท ช่วยป้องกันการอักเสบ
แต่ถ้ามีมากเกินไปก็จะกดภูมิคุ้มกัน ทำให้เกิดภาวะดื้ออินซูลิน (ระดับน้ำตาลในเลือดสูง ต่อมากลายเป็นโรคเบาหวาน โรคไต)

วิธีจัดการความเครียด

ด้านจิตใจ

  • ให้คิดถึงแต่ปัจจุบัน (อยู่กับปัจจุบัน) เพราะเราไม่สามารถแก้ไขอดีตได้ และไม่ต้องวิตกกังวลกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึง เพราะเราไม่สามารถรู้ได้ล่วงหน้าว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น
  • ไม่ควรเก็บกดเอาไว้ แต่ควรแสดงออกในทางที่ดี
  • มองโลกในแง่ดี หามุมมองที่เป็นบวกของเหตุการณ์ต่าง ๆ เหล่านั้นให้ได้
  • พูดสิ่งดี ๆ กับตัวเองในตอนเช้า
  • การทำสมาธิ
  • ดูหนัง หรือ รูปที่ทำให้ผ่อนคลายก่อนนอน
  • ยิ้ม หัวเราะ

ด้านอาหาร

  • ทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ (Alkaline Diet)
  • หลีกเลี่ยงการทานน้ำตาล
  • หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ คาเฟอีนไม่ควรดื่มเกินวันละ 1 แก้ว
  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่

ด้านการออกกำลังกาย

  • โยคะ
  • ออกกำลังกายที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย

ด้านอื่น ๆ

  • ปรับสมดุลเรื่องกลิ่น (Aroma therapy) กลิ่นลาเวนเดอร์ ช่วยให้ผ่อนคลาย ทำให้อารมณ์ดี ,กลิ่นโรสแมรี ช่วยให้ผ่อนคลาย
  • เสียงที่ชอบ (Music therapy) ช่วยลดความเจ็บปวด ความดันลดลง หลับได้ลึกขึ้น
    หลับได้ดีขึ้น
  • spa นวดผ่อนคลาย ช่วยลดความเครียด ขจัดสารพิษออกจากร่างกาย
    ลดอาการปวดหัว ไมเกรน
  • ฝังเข็ม
  • ให้อาหารเสริม วิตามิน หรือฮอร์โมนเข้าช่วย เพื่อให้ร่างกายผ่อนคลาย และสดชื่น
    ในตอนเช้าและระหว่างวัน

          การดริปวิตามิน หรือ IV Drip จะทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมสารอาหารและวิตามินได้ถึง 100% และดูดซึมได้อย่างรวดเร็ว ในขณะที่
การทานวิตามิน ร่างกายจะสามารถดูดซึมได้เพียง 10 % เท่านั้น 

          ที่ Moriko Plus Clinic มี IV Drip ที่เป็นสูตรเฉพาะ และได้มาตรฐานตามหลักเวชศาสตร์ชะลอวัย แพทย์มีความเชี่ยวชาญ
และมีประสบการณ์ด้านศาสตร์ชะลอวัย สามารถสอบถามรายละเอียด หรือ ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ที่ facebook หรือ Line 
เพื่อเพิ่มความมั่นใจได้เลย

Loading