รู้จัก “โกร์ธฮอร์โมน” ฮอร์โมนสำคัญของคนเราหรือไม่?

รู้จัก “โกร์ธฮอร์โมน” ฮอร์โมนสำคัญของคนเราหรือไม่?

สารบัญ

โกร์ธฮอร์โมน (Growth Hormone) คืออะไร?

          โกร์ธฮอร์โมน (Growth Hormone) เป็นฮอร์โมนที่สำคัญ ในการควบคุมการเจริญเติบโต และพัฒนาการของร่างกาย โดยเฉพาะในเด็ก
และวัยรุ่น แต่ก็มีบทบาทในการควบคุมการเจริญเติบโตของผู้ใหญ่ด้วย

          โกร์ธฮอร์โมนถูกสร้างขึ้น โดยต่อเติมจากต่อมหน่วยประสาทในสมองที่เรียกว่า “ต่อมฮิปโพธาลามัส” (Hypothalamus) ซึ่งจะเปล่ง
ระบบสัญญาณไปยังต่อมไร้ท่อ (Pituitary gland) เพื่อกระตุ้นให้ต่อมไร้ท่อ ส่งโกร์ธฮอร์โมนออกมาในกระแสเลือด

          โกร์ธฮอร์โมนมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมกระบวนการเจริญเติบโตของเซลล์ และเนื้อเยื่อต่าง ๆ ในร่างกาย ซึ่งเน้นไปที่เซลล์กระดูก
และเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อ เมื่อโกร์ธฮอร์โมนมีปริมาณเพียงพอในร่างกาย จะช่วยเสริมสร้างกระดูก และกล้ามเนื้อให้เจริญเติบโตอย่างเหมาะสม
และเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายทั้งในเด็ก และผู้ใหญ่

          นอกจากนี้ โกร์ธฮอร์โมนยังมีบทบาทในกระบวนการควบคุมความดันโลหิต ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และเสริมสร้างสารต้านอนุมูลออกซิเดชันในร่างกาย เพื่อช่วยป้องกันการเกิดอาการเสื่อมสภาพต่าง ๆ ที่เกิดจากอนุมูลออกซิเดชันมากเกินไป (เช่น ฝ้า เป็นต้น)

         การเจริญเติบโตที่สม่ำเสมอในเด็ก และวัยรุ่น จำเป็นต้องมีโกร์ธฮอร์โมนที่มีปริมาณเพียงพอ หากมีปัญหาเกี่ยวกับโกร์ธฮอร์โมน เช่น
การผลิตน้อย หรือ มากเกินไป อาจทำให้เกิดปัญหาทางสุขภาพเกี่ยวกับการเจริญเติบโต และพัฒนาการในเด็ก และวัยรุ่น

หน้าที่ของโกร์ธฮอร์โมนคืออะไร ?

           หน้าที่ของโกร์ธฮอร์โมน เป็นส่วนสำคัญในการควบคุมกระบวนการเจริญเติบโต และพัฒนาของร่างกาย  โดยเฉพาะในช่วงเด็ก และวัยรุ่น นอกจากนี้ยังมีบทบาทในควบคุมกระบวนการทางร่างกาย และเสริมสร้างสุขภาพร่างกายทั่วไป  นี่คือหน้าที่สำคัญของโกร์ธฮอร์โมน

1.ส่งเสริมการเจริญเติบโต  โกร์ธฮอร์โมนมีบทบาทในการส่งเสริมการเจริญเติบโตของเซลล์ และเนื้อเยื่อต่าง ๆ ในร่างกาย ซึ่งเน้นไปที่เซลล์กระดูก และกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเด็ก และวัยรุ่น ที่กำลังเจริญเติบโตอยู่

2.สร้างเนื้อเยื่อ และลดการสลาย  โกร์ธฮอร์โมนช่วยเสริมสร้างเนื้อเยื่อต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น กล้ามเนื้อ หนัง และเส้นใยคอลลาเจน
พร้อมกับลดกระบวนการสลายของเนื้อเยื่อด้วย

3.ส่งเสริมกระบวนการของระบบส่วนใหญ่ในร่างกาย โกร์ธฮอร์โมนมีบทบาทในการกระตุ้น และส่งเสริมกระบวนการในร่างกาย เช่น
กระบวนการลำเลียงน้ำตาลในเลือด กระบวนการควบคุมความดันโลหิต และกระบวนการควบคุมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
เพื่อช่วยเสริมสร้างสุขภาพร่างกายที่ดี

4.ช่วยบำรุงและเสริมสร้างระบบต่าง ๆ  โกร์ธฮอร์โมนเป็นส่วนสำคัญในการเสริมสร้างสารต้านอนุมูลออกซิเดชันในร่างกาย เพื่อช่วยป้องกัน
ความเสี่ยงของการเกิดอาการเสื่อมสภาพต่าง ๆ ที่เกิดจากอนุมูลออกซิเดชันมากเกินไป

          ทั้งนี้ การควบคุมปริมาณโกร์ธฮอร์โมนในร่างกายมีความซับซ้อนและเกี่ยวข้องกับระบบสมอง ต่อมฮิปโพธาลามัส และต่อมไร้ท่อ 
ดังนั้น หากมีปัญหาเกี่ยวกับโกร์ธฮอร์โมน อาจมีผลกระทบต่อกระบวนการเจริญเติบโต และสุขภาพร่างกาย ทั้งในเด็ก และ ผู้ใหญ่
ซึ่งสรุปได้ง่ายๆ เลยว่า โกร์ธฮอร์โมนทำหน้าที่ ดังนี้

  • โกร์ธฮอร์โมนกระตุ้นการเจริญเติบโตของกระดูก กระดูกอ่อน และเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน
  • โกร์ธฮอร์โมนกระตุ้นการสลายไขมัน
  • โกร์ธฮอร์โมนเสริมสร้างกล้ามเนื้อ
  • โกร์ธฮอร์โมนควบคุมการทำงานของระบบสมอง
  • โกร์ธฮอร์โมนทำให้รู้สึกผ่อนคลาย
  • ซ่อมแซมร่างกายในขณะที่หลับสนิท

ช่วงเวลาที่โกร์ธฮอร์โมนหลั่งสูงที่สุด

  • โกร์ธฮอร์โมนจะหลั่งเป็น ช่วง ๆ ช่วงละประมาณ 20-30 นาที
  • โกร์ธฮอร์โมนหลั่งสูงสุดภายหลังจากนอนหลับ 1- 2 ชั่วโมง (นอนหลับสนิท)
  • หากเข้านอน 20.00 – 21.00 น. โกรธ์ฮออร์โมนจะหลั่งสูงสุดประมาณ 22.00น.(เนื่องจากความมืดหลังจากพระอาทิตย์ตกดิน
    จะไปกระตุกกระสร้างเมลาโทนิน และไปกระตุ้นการสร้างโกร์ธฮอร์โมนให้มากขึ้น)
  • อายุที่มากขึ้น มีผลต่อการหลั่งโกร์ธฮอร์โมนที่น้อยลง

สิ่งที่ยับยั้งการหลั่งโกร์ธฮอร์โมน

  • ระดับน้ำตาลที่สูงในกระแสเลือด
  • ความอ้วน
  • ไขมันที่สูง
  • มีภาวะไทรอยด์ต่ำ หรือไทรอยด์สูง
  • คลื่นกระแสไฟฟ้า เช่น มือถือ ทีวี

อาการที่บ่งบอกว่าโกร์ธฮอร์โมนน้อยเกินไป

ในเด็ก

  • มีภาวะเตี้ย
  • เติบโตช้ากว่าเด็กในวัยเดียวกัน

ในผู้ใหญ่

  • อารมณ์เปลี่ยนง่าย
  • ผิวแก่ ผิวเหี่ยว ดูแก่ง่าย
  • มีร่องแก้ม ร่องมุมปาก ร่องใต้ตา
  • มีเหนียงใต้คาง หนังตาหย่อน
  • ผมบางลง ผมร่วง
  • ผิวบาง จมูกงุ้มลง ผิวหย่อนยาน
  • อ้วน
  • เหนื่อยง่าย
  • ร่างกายเสื่อม
  • นอนไม่หลับ

อาการที่บ่งบอกว่าโกร์ธฮอร์โมนมากเกินไป

ในเด็ก

  • ตัวเตี้ย

ในผู้ใหญ่

  • ความสูงปกติ แต่ตัวเริ่มหง่อมลง
  • กระวนกระวาย
  • รู้สึกไม่สบายเนื้อสบายตัว
  • เสี่ยงโรคมะเร็ง
  • เสี่ยงเบาหวาน

สิ่งที่กระตุ้นการหลั่ง

  • กลางวันต้องได้รับแสงให้เต็มที่ การคืนตอนนอนต้องมืดสนิท
  • การนอนหลับที่ดี
  • การออกกำลังกาย
  • ความเครียดนิดหน่อย
  • ระดับน้ำตาลต่ำในกระแสเลือด
  • เลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาล ไขมัน
  • เลี่ยงอาหารแปรรูป หรืออาหารที่โดนความร้อนสูง ๆ
  • เลี่ยงแอลกอฮอล์
  • เลี่ยงผลิตภัณฑ์จากนมวัว

Loading